คำนำ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
พุทธศักราช 2540
เป็นรัฐธรรมนูญที่ปฏิรูปการเมืองจากกรอบประชาธิปไตยครึ่งใบหรือเผด็จการปนธนาธิปไตยปนคณาธิปไตย
ให้มาเป็นประชาธิปไตยของประชาชน
โดยประชาชน
และเพื่อประชาชนมากขึ้น
โดยเปลี่ยนรูปแบบและอำนาจหน้าที่ของสถาบันการปกครองอย่างมาก
ทั้งนี้เพื่อให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
โดยประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้ตลอดเวลา
รัฐธรรมนูญใหม่ได้จัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่หลายองค์กร
เช่น
ให้มีการตั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองขึ้นใหม่
อย่างไรก็ดี
แม้รัฐธรรมนูญจะได้วางกฎเกณฑ์วิธีการสรรหาบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรเหล่านี้ไว้รัดกุมพอสมควรแล้ว
แต่ปรากฏว่าบุคคลทั้งหลายที่ถูกเสนอชื่อมาก็คือคนไทยที่ได้รับการศึกษาอบรมมาในสังคมเก่า
วุฒิสภาที่ให้ความเห็นชอบการสรรหาบุคคลก็เป็นสภาเก่าที่มาจากการแต่งตั้ง
ดังนั้น
ศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นศาลใหม่ที่ประกอบด้วยบุคคลรุ่นเก่า
ซึ่งมักเป็นตุลาการที่ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติงานในกรอบปรัชญาของกฎหมายเอกชนตลอดชีวิต
ต่างกับตุลาการที่มาจากสายรัฐศาสตร์ซึ่งศึกษาและมีโลกทัศน์ในแบบประชาธิปไตยและมีทัศนะทางกฎหมายในแนวกฎหมายมหาชน
ดังนั้น
จึงไม่เป็นการแปลประหลาดมากนักที่ตุลาการที่มาจากสองสาขาวิชาการและอาชีพจึงมีทัศนะไม่ตรงกันอยู่บ้าง
แต่สิ่งที่ควรสังเกตคือทัศนะที่แต่ละคนวินิจฉัยนั้นเป็นทัศนะที่ตรงตามหลักวิชา
หลักความยุติธรรม
หลักรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญได้ต่อตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่
11 เมษายน 2541
ถึงบัดนี้เป็นเวลา 2
ปีแล้ว
โดยได้พิจารณาวินิจฉัยกรณีต่าง
ๆ กว่า 100 กรณี
แต่ปรากฏว่ามีกรณีประมาณ
20% ที่ประชาชน
นักรัฐศาสตร์และนักนิติศาสตร์ไม่เห็นด้วยอย่างมากจึงถูกท้วงติงอยู่ตลอดมา
ในบรรดากรณีที่ถูกทักท้วงนั้นก็มีกรณีการวินิจฉัยสถานภาพของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายเนวิน ชิดชอบ)
เป็นกรณีอื้อฉาวที่สุด
เพราะเป็นคดีที่เข้าใจได้ง่ายไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่การวินิจฉัยกรณีกลับทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านทำหน้าที่พิทักษ์รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญหรือมาทำลายรัฐธรรมนูญเสียเอง
เช่น
การเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปในตัวบท
การทำลายหลักความรับผิดชอบและคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้สูงกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
หรือไม่
การมีรัฐธรรมนูญแบบใหม่
มีศาลรัฐธรรมนูญใหม่
และมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่
อาจทำให้มีความเข้าใจไม่ตรงกันอยู่บ้าง
แต่การมีศาลรัฐธรรมนูญมีตุลาการที่จะดำรงตำแหน่งอยู่นานปีและมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่สังคมจะต้องติดตามศึกษาอย่างวิเคราะห์
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และยอมรับซึ่งกันและกัน
ถ้าตุลาการท่านใดเห็นว่าทัศนะของตนไม่สอดคล้องกับทัศนะของมหาชน
ก็ต้องปรับทัศนะของตนเสียใหม่
โดยควรยอมรับว่าประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย
แต่ถ้าตุลาการท่านนั้นยังดื้อดึงและยืนยันความถูกต้องในทัศนะของตน
ประชาชนก็อาจจะร่วมกันเข้าชื่อขอถอดถอนเสียได้
หรืออย่างน้อยก็อาจไม่ยอมสนับสนุนให้แต่งตั้งกลับเข้ามาอีก
(เฉพาะตุลาการรุ่นแรกที่มีวาระครึ่งเดียว)
กรณีที่นำมาพิมพ์นี้เป็นกรณีศึกษาที่ต้องการเสนอให้ประชาชนติดตามตรวจสอบการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญว่าท่านใดมีทัศนะอย่างไรมากกว่าจะให้เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรีเนวิน ชิดชอบ
ซึ่งบังเอิญมาเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเป็นกรณีแรกในรัฐธรรมนูญ
มาตรา 216 (4)
ต่อไปนักศึกษารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์
ยังต้องติดตามผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคนไปอีกหลายเรื่องหรือหลายสิบเรื่องจนกว่าจะตัดสินใจได้ว่า
ตุลาการท่านนั้นมีทัศนะทางกฎหมาย
ทางรัฐธรรมนูญ
และมีพฤติกรรมส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม
ส่อไปในทางทุจริตหรือส่อไปในทางอื่น
ๆ ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 303
หรือไม่
แม้ ดร. เจมส์ อาร์ ไคลน์
จะได้เขียนคำปรารภในทางส่งเสริมให้มีการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายรัฐธรรมนูญ
โดยวิเคราะห์คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละท่านเพื่อประโยชน์ของประชาชนสำหรับนำไปต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญซึ่งตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาได้เปิดโอกาสให้ประชาชนนำคดีขึ้นสู่ศาลสูงสุดของประเทศได้
แต่ในรัฐธรรมนูญไทย
ประชาชนนำคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้
แต่ประชาชนไทยก็มีสิทธิริเริ่มขอถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้
(คนอเมริกันทำไม่ได้
ต้องให้สภาผู้แทนราษฎรริเริ่มขอถอดถอน)
ดังนั้น
คนไทยจึงต้องศึกษาคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์อย่างอื่นต่างกับคนอเมริกัน
ในการศึกษาคำวินิจฉัยในเรื่องนี้และเรื่องอื่น
ๆ
ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น
ขอให้ท่านผู้อ่านตั้งข้อพิจารณาประเภทของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังต่อไปนี้ไว้ด้วย
1)
ตุลาการท่านใดพิจารณาวินิจฉัยด้วยการพยายามหาแง่มุมทางกฎหมายมาเพื่อช่วยผู้ถูกร้องให้พันผิดเสมือนเป็นทนายจำเลย
หรือหาทางลงโทษผู้ถูกร้องเสมือนเป็นทนายโจทก์
รวมทั้งตุลาการที่ตีความตามตัวอักษรทีละคำแบบครูไวยากรณ์
2)
ตุลาการท่านใดพิจารณาวินิจฉัยกรณีตามหลักกฎหมายเอกชน
คือ
กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา
อันเป็นภารกิจหลักของตุลาการในศาลยุติธรรม
3)
ตุลาการท่านใดพยายามพิจารณาวินิจฉัยในแง่ของหลักความยุติธรรมและหลักความชอบธรรม
อันเป็นลักษณะของนักนิติศาสตร์
4)
ตุลาการท่านใดพยายามพิจารณาวินิจฉัยจากหลักประชาธิปไตย
หลักอธิปไตยของประชาชน
หลักสิทธิเสรีภาพอย่างกว้างขวางของประชาชน
หลักการใช้อำนาจรัฐอย่างแคบ
หลักอุดมการณ์และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญควบคู่กับตัวบทบัญญัติเพื่อพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย
รวมทั้งเพื่อการปฏิรูปการเมือง
ทั้งนี้จะต้องยอมรับว่าตุลาการประเภท
3 และ 4
เท่านั้นที่ควรจะเป็นตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับการรวบรวมและจัดลำดับเรื่องในหนังสือนี้
ผู้รวบรวมถือหลักว่าจะทำเฉพาะเอกสารที่ใช้ติดต่อกันในทางราชการระหว่างสมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนกับรัฐบาล
รัฐสภา พรรคการเมือง
และศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างหนึ่ง
รวมทั้งความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
อันนับได้ว่าเป็นความคิดเห็นต่อสาธารณะแล้วทั้งสิ้น
ผู้รวบรวมไม่ได้นำความคิดเห็นส่วนตัวมารวมไว้ด้วยแต่อย่างใด
ส่วนการจัดลำดับเรื่องนั้น
ได้จัดลำดับไปตามวันเวลาที่เอกสารเหล่านี้ได้เขียนขึ้นหรือได้ตอบกัน
การรวบรวมเอกสารในแบบนี้อาจทำเสียรสชาติในการอ่าน
แต่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิเคราะห์มากเพราะเป็นเอกสารปฐมภูมิเป็นส่วนมากและสะดวกในการค้นหา
ส่วนภาคผนวกได้รวมเอกสารที่เกี่ยวกับแนวการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งหาอ่านได้ยากและคำวินิจฉัยรายบุคคลของตุลาการ
13 คน
เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นข้อคิดเห็นของแต่ละท่านโดยตรง
ผู้รวบรวมขอขอบคุณ
คุณจาริณี ชูตั้งต้น
ซึ่งพิมพ์ต้นฉบับด้วยความยากลำบากและผู้ที่ช่วยบริจาคค่าจัดพิมพ์หนังสือนี้คือ
มูลนิธิเอเซียและบุคคลต่าง
ๆ ดังรายชื่อท้ายเล่ม
เพราะสมาคมฯ
ตั้งใจจะเผยแพร่หนังสือนี้ออกไปอย่างกว้างขวางที่สุด
สำหรับท่านที่ต้องการศึกษาอาจมาขอรับได้ที่สมาคมฯ
ถ้าหากจะกรุณาช่วยค่าใช้จ่ายแก่สมาคมฯ
ก็อาจขอซื้อได้ตามราคาหน้าปก
เพื่อให้หนังสือนี้มีประโยชน์ต่อการปรับตัวและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
สมาคมฯ
ได้แนบแบบสอบถามความคิดเห็นของท่านผู้อ่านให้ส่งคืนมายังสมาคมฯ
เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไปตามหลักการปกครองประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วมและแบบที่ไม่มีใครยิ่งใหญ่จนแตะต้องไม่ได้คือแบบที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุล
ทั้งนี้เพื่อความเจริญก้าวหน้าของระบบและกลไกประชาธิปไตยตลอดทั้งการปฏิรูปการเมืองในประเทศไทยสืบไป
อมร รักษาสัตย์
วิรัช วิรัชนิภาวรรณ
มีนาคม 2543
|