คำนำ
หนังสือ "ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล"
เล่มนี้ ผู้เขียนมีความเชื่อพื้นฐาน 3
ประการที่เกี่ยวเนื่องกัน ประการที่หนึ่ง
เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบสำคัญในการอำนวยความสะดวกและในการให้บริการประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคดิจิทัล (the Digital Era)
ที่มุ่งเน้นเรื่อง (1) การให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชน (2)
ความเป็นมืออาชีพ (3) ความน่าเชื่อถือ (4)
ความเป็นประชาธิปไตย (5) การริเริ่มสร้างสรรค์
(6) การปรับปรุงตลอดเวลา (7) ความสะดวกรวดเร็ว
(8) การประสานงานอย่างเป็นเครือข่าย (9)
การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และ (10) การทำงานเป็นทีม ประการที่สอง
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศมีส่วนสำคัญทำให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชนของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายมีประสิทธิภาพ
ทันสมัย และมีมาตรฐานสากลไม่มากเท่าที่ควร
ส่งผลให้ประเทศชาติเสียหายและประชาชนเสียผลประโยชน์
สำหรับตัวอย่างค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ
เช่น (1) ค่านิยมของการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ (2)
ค่านิยมที่ยึดถือระบบพวกพ้องในทางมิชอบ (3)
ค่านิยมที่ใช้อำนาจบังคับ (4)
ค่านิยมที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน (5)
ค่านิยมที่มุ่งเอาชนะฝ่ายตรงข้ามโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล และ (5)
ค่านิยมที่เห็นผิดเป็นชอบเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม เป็นต้น
และ ประการที่สาม
หากหน่วยงานของรัฐปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับเปลี่ยน
หรือพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ควรเป็นไปขึ้นมาใหม่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแล้ว
ย่อมมีแนวโน้มทำให้ประชาชนและประเทศชาติต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบอำมาตยาธิปไตย
(Bureaucratic Polity) หรือเรียกว่า
ระบอบข้าราชการ (Bureaucratic Regime)
ซึ่งเป็นระบอบที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือของข้าราชการประจำ (Bureaucratic
Regime)
ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร
ทั้งในและนอกราชการเข้ามามีอำนาจทางการเมืองการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นเครือข่ายต่อไปอีก
ไม่เพียงเท่านั้น
โอกาสที่ประชาชนจะได้รับการอำนวยความสะดวกและบริการจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในทิศทางที่ริเริ่มสร้างสรรค์
ใช้เทคโนโลยีและเครือข่ายที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว และมีความน่าเชื่อถือ
ตามแนวคิดการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
ควบคู่ไปกับการที่ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งรวมทั้งการติดตาม
ตรวจสอบ
และถ่วงดุลหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐภายใต้ขอบเขตของกฎหมายคงเกิดขึ้นได้ยาก
คำว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" นั้น
หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานที่มีตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
และปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหน้าที่ของรัฐหรือแนวนโยบายแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยปฏิบัติงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐ
หรือที่เรียกชื่ออื่นใดทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
ส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการอื่น ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำ
ในอดีตสมัยสุโขทัย เรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า ลูกขุน ในสมัยอยุธยา
เรียกว่า ขุนนาง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ เรียกว่า ขุนนาง และข้าราชการ
และในรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ได้มีการนำคำว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ มาใช้
โดยเป็นคำกลาง ๆ และอาจเรียกว่า ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่
คณะกรรมการ เจ้าพนักงานของรัฐ หรือเรียกอย่างอื่น ก็ได้ ส่วน
"ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ" นั้น หมายถึง ความคิด ความเชื่อ
อุดมการณ์ พฤติกรรม หรือการกระทำต่าง ๆ
ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ยึดถือและนำมาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและการให้บริการประชาชนสืบทอดกันมาอย่างถาวรหรืออย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ทั้งนี้ ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐมีมานาน
มีทั้งที่เป็นอุปสรรคและที่ส่งเสริมการพัฒนาประเทศ
อีกทั้งค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐปรับเปลี่ยน หรือพัฒนาขึ้นมาใหม่ได้
ตัวอย่างค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐด้านบวกที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
เช่น (1) ค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต การตรวจสอบได้
และความน่าเชื่อถือ (2) ค่านิยมที่ยอมรับการเปิดกว้าง
การริเริ่มสร้างสรรค์ ความทันสมัย ความสะดวกรวดเร็ว และมาตรฐานสากล (3)
ค่านิยมที่ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่สร้างความแตกแยก (4)
ค่านิยมที่ละอายและเกรงกลัวต่อการทำสิ่งไม่ดี (5)
ค่านิยมที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และ (6)
ค่านิยมที่ยอมรับการมีส่วนร่วม การคิดและการเห็นต่าง เป็นต้น
จากความเชื่อพื้นฐาน 3 ประการ สาระสำคัญของการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
ความหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐข้างต้น
ประกอบกับตำรา หนังสือ
หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐมีน้อยมาก
โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการในมุมมองของนักบริหารจัดการภาครัฐ
และเอกสารที่เกี่ยวกับค่านิยมบางส่วนได้กระจัดกระจายขาดการจัดระบบ ทั้ง
ๆ ที่ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นกลไกหรือแขนขาสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยนับแต่อดีต
ปัจจุบัน และอนาคต ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น
ยังเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนทุกวงการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
และเมื่อใดก็ตามที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีค่านิยมที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศแล้ว
พฤติกรรมหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกและให้บริการสาธารณะประชาชนย่อมล้มเหลวหรือไม่ได้ผลมากเท่าที่ควรตามไปด้วย
การศึกษาครั้งนี้มีสาระสำคัญที่ครอบคลุมแต่ละหัวข้ออย่างสอดคล้องกัน
ได้แก่ (1) แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
(2)
วิวัฒนาการของค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน
(3) ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ 13
ประการ และสาเหตุ (4)
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
13 ประการ และ (5)
แนวทางการพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
การศึกษาครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารจัดการภาครัฐ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ และการบริหารจัดการยุคดิจิทัล ทั้งนี้
ภายใต้อุดมการณ์และแนวคิดของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
พร้อมกับนำแนวคิดการบริหารจัดการยุคดิจิทัลมาปรับใช้ในส่วนที่เกี่ยวกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชน
สำหรับวิธีการนำเสนอเป็นลักษณะของกระบวนการศึกษาทางวิชาการอย่างเป็นระบบที่เน้นการวิจัยเอกสาร (documentary research) โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร
ซึ่งส่วนหนึ่งใช้วิธีการศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ (historical approach) เช่น
วิวัฒนาการของค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน
เป็นต้น ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริง (fact)
และความคิดเห็น (opinion) จากหนังสือ ตำรา
เอกสาร อินเทอร์เน็ต (internet) การสังเกตการณ์
ตลอดจนขอคำแนะนำปรึกษาจากผู้มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
จากนั้น จึงนำข้อมูลมาประมวล จัดกลุ่ม แปลความ และวิเคราะห์
รวมทั้งเขียนพรรณนาหรือบรรยาย (descriptive
interpretation and descriptive analysis approach)
ในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น
มีข้อมูลบางส่วนที่ผู้ศึกษาใช้การวิเคราะห์แบบทำนายหรือคาดคะเน
(predictive analysis)
เช่น
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
13 ประการ เป็นต้น
สำหรับการเขียนพรรณนาหรือบรรยายนั้น เป็นการอธิบาย ขยายความ
และแสดงเหตุผล พร้อมกับเสนอภาพและตารางไว้ด้วยตามความจำเป็น
ในเวลาเดียวกัน ผู้ศึกษาได้เขียนอ้างอิงแบบเชิงอรรถ (footnote)
ไว้อย่างชัดเจนและเป็นระบบเพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าและนำข้อมูลที่เขียนไว้ไปใช้ต่อไปได้ง่ายและสะดวก
หนังสือเล่มนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
(1) การทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่
หรือเกิดการสร้างความรู้ทางวิชาการใหม่และนำไปพัฒนาต่อยอดได้ด้วย เช่น
วิวัฒนาการ
และแนวทางการพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
(2) ประโยชน์ในทางวิชาการ เช่น
หน่วยงานของรัฐนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและความคิดเห็นใช้ในการวางแผน
การกำหนดวิสัยทัศน์ การกำหนดยุทธศาสตร์ ตัวแบบ (model)
และกลุ่มตัวชี้วัดสำคัญของการปฏิบัติงาน (Key Performance
Indicators หรือ KPIs)
สำหรับสถาบันการศึกษาอาจนำข้อมูลเกี่ยวกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งที่เป็นอุปสรรค
และที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลไปปรับใช้สำหรับการเรียน
การสอน ตลอดจนการทำวิจัยและการพัฒนา (research
and development) ต่อยอดต่อไป
(3) ประโยชน์ในทางปฏิบัติ โดยหน่วยงานของรัฐ และ/หรือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ นำข้อเสนอแนะ เช่น
แนวทางการพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
13 ประการ ไปปรับใช้ในทางปฏิบัติจริง และ (4) ประโยชน์ต่อประชาชน
หากนำไปศึกษา
ย่อมช่วยเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
และนำไปปรับใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเข้ามามีส่วนร่วม
รวมตลอดทั้งการติดตาม
และการตรวจสอบผลการปฏิบัติหน้าที่ราชการของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
และกฎหมายต่อไป นอกจากที่กล่าวมาแล้ว
นักศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก
ยังนำเนื้อหาสาระจากหนังสือเล่มนี้
ไปใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ
และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านจิตใจ
โดยเฉพาะค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
รวมตลอดทั้งวิวัฒนาการทางการเมืองการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
แต่เรียกชื่อแตกต่างกันดังกล่าวแล้วข้างต้น
หนังสือเล่มนี้ เป็นเล่มที่ 43
ที่ผู้ศึกษาเขียนขึ้นและจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์
หนังสือเล่มนี้ใช้เวลาเขียนประมาณ 2 เดือน
เนื่องจากได้นำผลงานในอดีตซึ่งผู้ศึกษาได้เขียนเริ่มแรกเมื่อ 30
ปีมาแล้ว คือ ในปี พ.ศ. 2532 ภายใต้ชื่อหนังสือ เรื่อง "ค่านิยมของข้าราชการที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชนบท
: สาเหตุและแนวทางแก้ไข"
ต่อมาอีก 15 ปี คือ ในปี พ.ศ. 2547 ได้ปรับปรุงเพิ่มเติม
และจัดพิมพ์ภายใต้ชื่อหนังสือ เรื่อง "ค่านิยมของข้าราชการไทยในยุคปฏิรูประบบราชการ"
โดยสำนักพิมพ์นิติธรรม
และล่าสุดซึ่งเป็นเวลาอีก 15 ปีต่อมา คือ ในปี พ.ศ. 2562 (ปัจจุบัน)
นี้ ได้จัดพิมพ์ภายใต้ชื่อ
"ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล"
เล่มนี้ โดยสำนักพิมพ์โฟร์เพซ ทั้งนี้
ผู้ศึกษาได้นำข้อมูลเดิมมาแก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพการบริหารจัดการของประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยเพิ่มข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อมูลที่เป็นความคิดเห็น
เป็นต้นว่า
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ 13 ประการ
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
13 ประการ
และวิวัฒนาการของค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐจากอดีตถึงปัจจุบัน
รวมทั้งเพิ่มชุดความคิดทางวิชาการที่ชัดเจนและนำไปปรับใช้ในการทำวิจัยอย่างเป็นระบบไว้ด้วย
หากในอนาคตมีข้อบกพร่องเกิดขึ้น
ผู้ศึกษาก็จะเก็บสะสมไว้เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
ส่วนความดีของหนังสือเล่มนี้
ขอมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีค่านิยมที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
รวมทั้งยอมรับและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศอย่างมั่นคง
ยั่งยืน และเสมอภาค ในเวลาเดียวกัน
ประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้นโดยมีสิทธิและเสรีภาพตามมาตรฐานสากลพร้อมทั้งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
วิรัช
วิรัชนิภาวรรณ
ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
200 ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง 5)
อำเภอธัญบุรี
จังหวัดปทุมธานี
12110 โทร. 02-577-1027-31
เว็บไซต์ :
www.wiruch.com
อีเมล์ : newemail2556@gmail.com
และ
wiruch.com@gmail.com
27
พฤษภาคม 2562
สารบัญ
คำนำ
สารบัญ
สารบัญภาพ
สารบัญตาราง
บทที่ 1 บทนำ
1.
ความเป็นมาและความสำคัญของเรื่องที่ศึกษา
2. ปัญหาของเรื่องที่ศึกษา
3. วัตถุประสงค์ของการศึกษา
4. กรอบแนวคิดที่ใช้ในการศึกษา
5. ขอบเขตของการศึกษา
6. ข้อจำกัดของการศึกษา
7. ทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
8. ระเบียบวิธีการศึกษา
9. คำจำกัดความที่ใช้ในการศึกษา
10.
ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษา
11. สรุป
บทที่ 2
แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
1. ความนำ
2.
แนวคิดและความหมายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของรัฐ ค่านิยม
เจ้าหน้าที่ของรัฐ และความสัมพันธ์
3. สรุปและวิเคราะห์
บทที่ 3
วิวัฒนาการของค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
1. ความนำ
2.
ภาพรวมวิวัฒนาการของค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐจากอดีตถึงปัจจุบัน
3. สรุปและวิเคราะห์
บทที่ 4
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และสาเหตุ
1.
ความนำ
2.
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ 13 ประการ
3.
สาเหตุการเกิดค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศที่จัดแบ่งเป็นสาเหตุที่เกิดจากระบบภายใน
และสาเหตุที่เกิดจากระบบภายนอก
4.
สรุปและวิเคราะห์
บทที่ 5
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
1. ความนำ
2.
ค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ควรเป็น
13 ประการ
3.
สรุปและวิเคราะห์
บทที่ 6
แนวทางการพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัล
1.
ความนำ
2.
แนวทางการพัฒนาค่านิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ส่งเสริมการบริหารจัดการยุคดิจิทัลที่ตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐและที่สภาพแวดล้อมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
3.
สรุปและวิเคราะห์ และข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
1. ภาษาไทย
2. ภาษาอังกฤษ
ภาคผนวก
ผลงานทางวิชาการที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529-2562
|